Lecture

บทที่ 6 การออกแบบเว็บเพจเบื้องต้น
หลักการออกแบบเว็บเพจ
หลักการออกแบบเว็บเพจ การออกแบบและพัฒนาเว็บเพจ สามารถทำได้หลายระบบ ขึ้นอยู่กับลักษณะของข้อมูล ความชอบของผู้พัฒนา ตลอดจนกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการนำเสนอ เช่น หากกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กวัยรุ่น และนำเสนอ ข้อมูลเกี่ยวกับความบันเทิง อาจจะออกแบบให้มีทิศทางการไหลของหน้าเว็บที่หลากหลายใช้ลูกเล่นได้มากกว่าเว็บ ที่นำเสนอให้กับผู้ใหญ่ หรือเว็บด้านวิชาการ ทั้งนี้หลักการออกแบบเว็บเพจ สามารถแบ่งได้สามลักษณะ คือ

 แบบลำดับขั้น ( Hierarchy ) เป็นการจัดแสดงหน้าเว็บเรียงตามลำดับกิ่งก้าน แตกแขนงต่อเนื่องไปเหมือนต้นไม้กลับหัว เหมาะสำหรับการนำเสนอข้อมูล ที่มีการแบ่งเป็นหมวดหมู่ที่ไม่มากนัก และมีข้อมูลย่อยไม่ลึกมาก เช่นเว็บไซต์แนะนำ ประวัติส่วนตัว ที่มีข้อมูล 4 - 5 หน้าเป็นต้น
แบบเชิงเส้น ( Linear ) เป็นการจัดแสดงหน้าเว็บเรียงต่อเนื่องไปในทิศทางเดียว เหมาะสำหรับการนำเสนอข้อมูลที่เป็นรูปภาพ เช่นเว็บไซต์นำเสนอสไลด์จาก Microsoft PowerPoint




แบบผสม ( Combination ) เป็นการจัดหน้าเว็บชนิดผสมระหว่างแบบลำดับขั้น และแบบเชิงเส้น มักจะเป็นแบบที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถควบคุมการนำเสนอและการเรียกดูได้สะดวก และรวดเร็ว


องค์ประกอบของการออกแบบเว็บไซต์
  1. ความเรียบง่าย (Simplicity) หมาย ถึง การจำกัดองค์ประกอบเสริมให้เหลือเฉพาะองค์ประกอบหลัก กล่าวคือในการสื่อสารเนื้อหากับผู้ใช้นั้น เราต้องเลือกเสนอสิ่งที่เราต้องการนำเสนอจริง ๆ ออกมาในส่วนของกราฟิก สีสัน ตัวอักษรและภาพเคลื่อนไหว ต้องเลือกให้พอเหมาะ ถ้าหากมีมากเกินไปจะรบกวนสายตาและสร้างความคำราญต่อผู้ใช้ตัวอย่างเว็บไซต์ ที่ได้รับการออกแบบที่ดี ได้แก่ เว็บไซต์ของบริษัทใหญ่ ๆ อย่างเช่น Apple Adobe Microsoft หรือ Kokia ที่มีการออกแบบเว็บไซต์ในรูปแบบที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน และใช้งานอย่างสะดวก
  2. ความสม่ำเสมอ ( Consistency) หมาย ถึง การสร้างความสม่ำเสมอให้เกิดขึ้นตลอดทั้งเว็บไซต์ โดยอาจเลือกใช้รูปแบบเดียวกันตลอดทั้งเว็บไซต์ก็ได้ เพราะถ้าหากว่าแต่ละหน้าในเว็บไซต์นั้นมีความแตกต่างกันมากจนเกินไป อาจทำให้ผู้ใช้เกิดความสับสนและไม่แน่ใจว่ากำลังอยู่ในเว็บไซต์เดิมหรือไม่ เพราะฉะนั้นการออกแบบเว็บไซต์ในแต่ละหน้าควรที่จะมีรูปแบบ สไตล์ของกราฟิก ระบบเนวิเกชั่น (Navigation) และโทนสีที่มีความคล้ายคลึงกันตลอดทั้งเว็บไซต์
  3. ความเป็นเอกลักษณ์ (Identity) ใน การออกแบบเว็บไซต์ต้องคำนึงถึงลักษณะขององค์กรเป็นหลัก เนื่องจากเว็บไซต์จะสะท้อนถึงเอกลักษณ์และลักษณะขององค์กร การเลือกใช้ตัวอักษร ชุดสี รูปภาพหรือกราฟิก จะมีผลต่อรูปแบบของเว็บไซต์เป็นอย่างมาก ตัวอย่างเช่น ถ้าเราต้องออกแบบเว็บไซต์ของธนาคารแต่เรากลับเลือกสีสันและกราฟิกมากมาย อาจทำให้ผู้ใช้คิดว่าเป็นเว็บไซต์ของสวนสนุกซึ่งส่งผลต่อความเชื่อถือของ องค์กรได้
  4. เนื้อหา (Useful Content) ถือ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในเว็บไซต์ เนื้อหาในเว็บไซต์ต้องสมบูรณ์และได้รับการปรับปรุงพัฒนาให้ทันสมัยอยู่เสมอ ผู้พัฒนาต้องเตรียมข้อมูลและเนื้อหาที่ผู้ใช้ต้องการให้ถูกต้องและสมบูรณ์ เนื้อหาที่สำคัญที่สุดคือเนื้อหาที่ทีมผู้พัฒนาสร้างสรรค์ขึ้นมาเอง และไม่ไปซ้ำกับเว็บอื่น เพราะจะถือเป็นสิ่งที่ดึงดูดผู้ใช้ให้เข้ามาเว็บไซต์ได้เสมอ แต่ถ้าเป็นเว็บที่ลิงค์ข้อมูลจากเว็บอื่น ๆ มาเมื่อใดก็ตามที่ผู้ใช้ทราบว่า ข้อมูลนั้นมาจากเว็บใด ผู้ใช้ก็ไม่จำเป็นต้องกลับมาใช้งานลิงค์เหล่านั้นอีก
  5. ระบบเนวิเกชั่น (User-Friendly Navigation) เป็น ส่วนประกอบที่มีความสำคัญต่อเว็บไซต์มาก เพราะจะช่วยไม่ให้ผู้ใช้เกิดความสับสนระหว่างดูเว็บไซต์ ระบบเนวิเกชั่นจึงเปรียบเสมือนป้ายบอกทาง ดังนั้นการออกแบบเนวิเกชั่น จึงควรให้เข้าใจง่าย ใช้งานได้สะดวก ถ้ามีการใช้กราฟิกก็ควรสื่อความหมาย ตำแหน่งของการวางเนวิเกชั่นก็ควรวางให้สม่ำเสมอ เช่น อยู่ตำแหน่งบนสุดของทุกหน้าเป็นต้น ซึ่งถ้าจะให้ดีเมื่อมีเนวิเกชั่นที่เป็นกราฟิกก็ควรเพิ่มระบบเนวิเกชั่นที่ เป็นตัวอักษรไว้ส่วนล่างด้วย เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ที่ยกเลิกการแสดงผลภาพกราฟิกบนเว็บเบราเซอร์
  6. คุณภาพของสิ่งที่ปรากฏให้เห็นในเว็บไซต์ (Visual Appeal)ลักษณะ ที่น่าสนใจของเว็บไซต์นั้น ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลเป็นสำคัญ แต่โดยรวมแล้วก็สามารถสรุปได้ว่าเว็บไซต์ที่น่าสนใจนั้นส่วนประกอบต่าง ๆ ควรมีคุณภาพ เช่น กราฟิกควรสมบูรณ์ไม่มีรอยหรือขอบขั้นบันได้ให้เห็น ชนิดตัวอักษรอ่านง่ายสบายตา มีการเลือกใช้โทนสีที่เข้ากันอย่างสวยงาม เป็นต้น
  7. ความสะดวกของการใช้ในสภาพต่าง ๆ (Compatibility) การ ใช้งานของเว็บไซต์นั้นไม่ควรมีขอบจำกัด กล่าวคือ ต้องสามารถใช้งานได้ดีในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย ไม่มีการบังคับให้ผู้ใช้ต้องติดตั้งโปรแกรมอื่นใดเพิ่มเติม นอกเหนือจากเว็บบราวเซอร์ ควรเป็นเว็บที่แสดงผลได้ดีในทุกระบบปฏิบัติการ สามารถแสดงผลได้ในทุกความละเอียดหน้าจอ ซึ่งหากเป็นเว็บไซต์ที่มีผู้ใช้บริการมากและกลุ่มเป้าหมายหลากหลายควรให้ ความสำคัญกับเรื่องนี้ให้มาก
  8. ความคงที่ในการออกแบบ (Design Stability) ถ้า ต้องการให้ผู้ใช้งานรู้สึกว่าเว็บไซต์มีคุณภาพ ถูกต้อง และเชื่อถือได้ ควรให้ความสำคัญกับการออกแบบเว็บไซต์เป็นอย่างมาก ต้องออกแบบวางแผนและเรียบเรียงเนื้อหาอย่างรอบคอบ ถ้าเว็บที่จัดทำขึ้นอย่างลวก ๆ ไม่มีมาตรฐานการออกแบบและระบบการจัดการข้อมูล ถ้ามีปัญหามากขึ้นอาจส่งผลให้เกิดปัญหา
  9. ความคงที่ของการทำงาน (Function Stability) ระบบ การทำงานต่าง ๆ ในเว็บไซต์ควรมีความถูกต้องแน่นอน ซึ่งต้องได้รับการออกแบบสร้างสรรค์และตรวจสอบอยู่เสมอ ตัวอย่างเช่น ลิงค์ต่าง ๆ ในเว็บไซต์ ต้องตรวจสอบว่ายังสามารถลิงค์ข้อมูลได้ถูกต้องหรือไม่ เพราะเว็บไซต์อื่นอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ปัญหาที่เกิดจากลิงค์ ก็คือ ลิงค์ขาด ซึ่งพบได้บ่อยเป็นปัญหาที่สร้างความรำคาญกับผู้ใช้เป็นอย่างมาก
_____________________________________________________________________

บทที่ 7 การออกแบบเว็บไซต์ให้เหมาะกับสิ่งแวดล้อม
ปัจจัยหลักที่เกี่ยวข้องกับการท่องเว็บไซต์
1. เบราเซอร์ที่ใช้
  • เบราเซอร์ คือ โปรแกรที่ใช้เรียกดูเว็บ สามารถแสดงได้ทั้งตัวอักษร รูปภาพ และภาพเคลื่อนไหว เบราเซอร์ที่ได้ความนิยม เช่น Google Chrome , IE, Opera มาตรฐานกลางของเบราเซอร์ คือ W3C
  • เป็นองค์กรที่กำหนดคุณสมบัติของเบราเซอร์ เราควรออกแบบตามคุณสมบัติดังนี้
  1. สามารถใช้ได้กลับเบราเซอร์ได้ทุกรุ่น
  2. เว็บไซต์สำหรับเบราเซอร์รุ่นล่าสุด
  3. เว็บไซต์ตามความสามารถของเบราเซอร์
  4. เว็บไซต์ที่มีหลายรูปแบบ
2. ระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์

    • เป็นระบบที่เป็นปัจจัยหลักต่อ มีผลต่อการทำง่านของเบราเซอร์มาก โดยแต่ละระบบปฏิบัติการจะมีความแตกต่างกันในเรื่องของชนิดและรุ่น ของ       เบราเซอร์ที่ใช้ได้ ระดับความละเอียดของหน้าจอ ชุดสีของระบบ และชนิดของตัวอักษรที่มาพร้อมกับระบบ
    3. ความละเอียดของหน้าจอ
    • ความละเอียดของหน้าจอ (monitor resolution)มีหน่วยเป้น pixel ความละเอียดของหน้าจอไม่ขึ้นกับขนาดของมอนิเตอร์ที่ใช้ แต่จะขึ้นกับประสิทธิภาพของการ์ดแสดงผลว่าสามารถทำได้ได้ละเอีวดแค่ไหน การออกแบบหน้าจอผู้ใช้ส่วนใหญ่จะชอบหน้าเว็บที่เปิดมาแล้วสมบูรณ์

    4. จำนวสีที่จอของผู้ใช้สามารถแสดงได้
    • มอนิเตอร์มีความสามารถใหการแสดงสีแตกต่างกน ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของการ์ดจอ จำนวนหน่วยความจำในการ์ดจอมากขึ้นจะทำให้สามารถแสดงสีได้มากขึ้น จำนวนสีที่การ์ดจอสามารถแสดงได้นั้น ขึ้นอยู่กับค่าความละเอียดของสีที่เรียกว่า bit depth and color depth ซึ่งก็คือจำนวนบิตที่ใช้ในการเก็บข้อมูลแค่ละพิกเซล
    • ขุดสีสำหรับเว็บ (Web palette) หมายถึว ชุดสีจำนวน 216 สีที่มีอยู่เหมือนกันในระบบปฏิบัติการ Windows and Mac

    5. ชนิดของตัวอักษรที่มีอยู่ในเครื่อง
    ชนิดของตัวอักษรมี 2 แบบ
    • MS Sans Serif VS Microsoft Sans Serif
    • MS Sans Serif เป็นฟอนต์แบบชิตแมท ซึ่งออกแบบขึ้นจากจุดของพิกเซล โดยมีการออกแบบแต่ละตัวอักษรไว้เป็นขนาดที่แน่นอน Microsoft Sans Serif เป็นฟอนด์ที่มีโครงสร้างของอักขระเป็นแบบเวคเตอร์หรือลายเส้น โอยมีกรออกแบบเอาท์ไลน์ไว้เพียงแบบเดียวแต่สามารถปรับขนาดได้อย่างไม่จำกัดตัวอักษรแบบกราฟิก (Graphic Text)
    6. ความเร็วในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
    7. ความสว่างและค่าความต่างของโทนสี
    _____________________________________________________________________

    บทที่ 8 การเลือกใช้สีสำหรับเว็บไซต์

    การเลือกใช้สีสำหรับเว็บไซต์

    1.เลือกใช้สีสำหรับเว็บไซต์
    • สีสันในเว็บเพจเป็นสิ่งสำคัญมากในการดึงดูดความสนในของผู้ใช้
    • สามารถเลือกใช้สีได้กับทุกองค์ประกอบของเว็บเพจ
    • ใช้สีพื้นหลังใกล้เคียงกับสีตัวอักษร อาจสร้างความลำบากในการอ่าน
    • ใช้สีมากเกินความจำเป็นอาจสร้างความสับสนให้กับผู้อ่านได้
    • การใช้สีกลมกลืนกันช่วยให้เว็บไซต์น่าดูน่าชมมากขึ้น
    2.ประโยชน์ของสีในเว็บไซต์
    • สามารถชักนำสายตาผู้อ่านให้ไปยังทุกบริเวณในหน้าเว็บเพจที่เราต้องการได้
    • สีช่วยเชื่อมโยงบริเวณที่ได้รับการออกแบบเข้าด้วยกัน
    • ใช้ในการดึงดูดความสนในของผู้อ่าน
    • สร้างอารมณ์โดยรวมของเว็บเพจได้
    • ช่วยสร้างความเป็นระเบียบให้กับข้อความต่าง ๆ ได้
    • ส่งเสริมเอกลักษณ์ขององค์กรหรือหน่วยงานได้
    3.การผสมสี (Color Mixing)
    1. การผสมสีแบบบวก (Additive mixing) จะเป็นรูปแบบการผสมของแสง ไม่ใช่การผสมของวัตถุที่มีสีบนกระดาษ
    2. การผสมสีแบบลบ (Subtraction mixing) จะไม่เกี่ยวข้องกับแสงแต่จะเกี่ยวข้องกับการดูดกลืนและสะท้อน แสงของวัตถุต่าง ๆ
    3. การนำไปใช้งาน
    • การผสมแบบบวก จะนำไปใช้ในสื่อใด ๆ ที่ใช้แสงส่องออกมา เช่น จอโปรเจ็คเตอร์ ทีวี
    • การผสมแบบลบ จะนำไปใช้ในสื่อที่เกี่ยวข้องกับการใช้วัตถุมีสี เช่น ภาพวาดของศิลปิน รูปปั้น
    4.วงล้อของสี (Color Wheel)
    • เป็นรูปแบบการจัดลำดับเฉดสีอย่างมีเหตุผลและก็ง่ายต่อการนำไปใช้งาน จะมี 2 แบบ คือ วงล้อสีแบบลบ กับ วงล้อสีแบบบวก
    • สีที่เป็นกลาง(Neutral Color) สีกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้ถูกบรรจุไว้ในวงล้อสี เพราะเป็นสีที่ไม่ได้รับอิทธิพลมากกว่าสีอื่น คือ สีเทา สีขาว สีดำ สีอ่อน สีเข้ม และโทนสี(Tint Shade and Tone)
    5.การผสมสีกลางเข้ากับสีบริสุทธิ์ 
    • จะเกิดเป็นสีต่าง ๆ เช่น สีบริสุทธิ์ผสมกับสีขาว จะได้เป็นสี อ่อน , สีบริสุทธิ์ ผสมกับสีเทา จะได้โทนสีระดับต่าง ๆ , สีบริสุทธิ์ผสมกับสีดำ จะได้เป็นสีเข้ม สีอ่อน สีเข้ม และโทนสี จะช่วยทำให้สามารถแสดงออกถึงความรู้สึกได้หลายแบบ
    6.ความกลมกลืนของสี (Color Harmony)
    • การใช้สีที่จืดชืดเกินไป จะทำให้เกิดความรู้สึกที่น่าเบื่อ และไม่สามารถดึงดูดความสนใจจากผู้ชมได้
    • การใช้สีมากเกินไป ก็จะดูวุ่นวาย ขาดระเบียบ และอาจสร้างความสับสนให้กับผู้ชม
    7.รูปแบบชุดสีพื้นฐาน
    1. ชุดสีร้อน (Warm Color Scheme) จะสร้างความรู้สึกอบอุ่น สบาย และรู้สึกต้อนรับแก่ผู้ชม
    2. ชุดสีเย็น(Cool Color Scheme) จะทำให้รู้สึกเย็นสบาย ดูสุภาพ เรียบร้อย และตามหลักจิตวิทยาจะทำให้ดูเศร้า
    3. ชุดสีแบบเดียว(Monochromatic Color Scheme) เป็นรูปแบบสีที่ง่ายที่สุด จะทำให้ขาดความสนใจจากผู้ชม
    4. ชุดสีแบบสามเส้า(Tricia Color Scheme) เป็นชุดสีที่อยู่ที่มุมของสามเหลี่ยมด้านเท่าทั้งสาม จะทำให้รู้สึกว่า หน้าเว็บดูมีชีวิตชีวา
    5. ชุดสีคลายคลึงกัน(Analogous Color Scheme) ประกอบด้วยสี 2 หรือ 3 สีที่อยู่ติดกันในวงล้อ เช่น โทน ส้ม- เหลือง จะให้บรรยากาศต้อนรับและความอบอุ่น
    6. ชุดสีตรงข้าม(Com;commentary Color Scheme) เช่น เว็บไซต์ที่ใช้สีน้ำเงินและส้มเป็นสีหลัก ซึ่งจะเป็นคู่สีที่ ตรงข้ามที่ตัดกันอย่างสะดุดตา
    7. ชุดสีตรงข้ามข้างเคียง(Split Complementary Color Scheme) เป็นชุดสีที่เปลี่ยนแปลงมาจากชุดสีตรงข้าม
    8. ชุดสีตรงข้ามข้างเคียงทั้ง 2 ด้าน (Double Split Complementary Color Scheme) จะมีความหลากหลายของสี มากขึ้น แต่จะสร้างความสดใสและความกลมกลืนของสีที่ลดลง ผลทางจิตวิทยาที่มีต่อสี (Color Psychology)   มนุยษ์เราจะตอบสนองต่อสีด้วยจิตใจ ไม่ใช่สมอง
    8.สีกับอารมณ์ ความรู้สึก และความสัมพันธ์กับสิ่งต่าง ๆ 
    • สีแดง คือ ความมีพลัง อำนาจ ความรัก ความอบอุ่น
    • สีน้ำเงิน คือ ความซื่อสัตย์ ความมั่นคง ความปลอดภัย
    • สีเขียว คือธรรมชาติ ความอบอุ่น การเริ่มต้นใหม่
    • สีเหลือง คือ ความสดใส่ ร่าเริง การมองโลกในแง่ดี
    • สีน้ำตาล คือ ความสะดวกสบาย ความมั่นคง ความน่าเชื่อถือ
    • สีขาว คือ ความบริสุทธิ์ ความไร้เรียงสา ความฉลาด
    • สีดำ คือ อำนาจ ความฉลาด ความเป็นเลิศ

    ไม่มีความคิดเห็น:

    แสดงความคิดเห็น